วิธีดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูฝน : เพื่อความปลอดภัยและยาวนานของรถยนต์ของคุณ
ฤดูฝนในประเทศไทยมักมาอย่างรวดเร็วและสามารถสร้างปัญหาหลายอย่างให้กับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมขัง การขับขี่ในสภาพถนนลื่น หรือความชื้นที่ทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น การดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณยังคงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยในการขับขี่ทุกครั้งที่ฝนตก
1.ตรวจสอบยางรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน ยางรถยนต์เป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุดเมื่อขับขี่ในช่วงฤดูฝน การมียางที่ดีและมีสภาพที่พร้อมใช้งานจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเมื่อขับขี่ในสภาพถนนที่ลื่น
คำแนะนำ:
- ตรวจสอบดอกยาง: ควรตรวจสอบให้ดอกยางยังมีความลึกเพียงพอ เพื่อให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น
- ตรวจสอบแรงดันลมยาง: ควรเติมลมยางให้มีความดันที่เหมาะสมตามคู่มือของรถยนต์
- เปลี่ยนยางที่เสื่อมสภาพ: หากยางมีรอยแตกลายหรือความหนาของดอกยางต่ำกว่ามาตรฐาน ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที
2. ตรวจเช็คระบบเบรกให้พร้อมใช้งาน การเบรกในช่วงฤดูฝนต้องการความไวและความแม่นยำมากขึ้นเนื่องจากถนนที่เปียกลื่น การตรวจสอบระบบเบรกให้ดีจะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของการขับขี่
คำแนะนำ:
- ตรวจสอบผ้าเบรก: หากผ้าเบรกบางเกินไปหรือมีความหนาไม่พอ ควรเปลี่ยนผ้าเบรกทันที
- ตรวจสอบน้ำมันเบรก: เติมน้ำมันเบรกให้มีระดับที่เหมาะสม
- ตรวจสอบการทำงานของระบบเบรก ABS: ระบบเบรก ABS เป็นระบบที่ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อล้อหมุนได้ในสภาพถนนที่ลื่น
3. ตรวจสอบไฟหน้าและไฟท้าย ในช่วงฤดูฝน การขับขี่ในสภาพอากาศฝนตกหรือหมอกลงทำให้ทัศนวิสัยลดลง ดังนั้นการตรวจสอบไฟหน้าและไฟท้ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
คำแนะนำ:
- ตรวจสอบไฟหน้ารถยนต์: ต้องแน่ใจว่าไฟหน้าและไฟตัดหมอกทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบไฟเบรกและไฟสัญญาณต่างๆ: ไฟเบรกและไฟเลี้ยวต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
4. ตรวจสอบระบบกันสะเทือน ระบบกันสะเทือนมีความสำคัญมากในการขับขี่ในช่วงฤดูฝน เนื่องจากถนนที่เปียกและลื่นอาจทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวได้ง่าย
คำแนะนำ:
- ตรวจสอบชิ้นส่วนของระบบกันสะเทือน: ตรวจสอบชิ้นส่วนอย่างโช้คอัพ และสปริงให้ทำงานได้ดี
- เช็คสภาพยางกันสะเทือน: ยางกันสะเทือนช่วยลดแรงกระแทกจากการขับขี่ในพื้นที่ที่ไม่เรียบ
5. การดูแลรักษาห้องเครื่องยนต์ ความชื้นจากฝนสามารถทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพได้ หากไม่ดูแลรักษาให้ดี การป้องกันความชื้นในเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
คำแนะนำ:
- ตรวจสอบกรองอากาศ: กรองอากาศที่สะอาดจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบน้ำหล่อเย็น: น้ำหล่อเย็นที่มีระดับที่เหมาะสมช่วยป้องกันความร้อนในเครื่องยนต์
- ตรวจสอบสายพานและข้อต่อ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายพานและข้อต่อทั้งหมดอยู่ในสภาพดี
6. การดูแลรักษาห้องโดยสาร การดูแลห้องโดยสารเป็นสิ่งสำคัญในช่วงฤดูฝน เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดกลิ่นอับและอาจทำให้วัสดุภายในห้องโดยสารเสียหายได้
คำแนะนำ:
- เช็คระบบเครื่องปรับอากาศ: เครื่องปรับอากาศควรทำงานได้เต็มที่เพื่อช่วยระบายความชื้นในห้องโดยสาร
- ตรวจสอบระบบกระจก: ทำความสะอาดกระจกให้ดีและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีรอยขีดข่วนที่อาจทำให้การมองเห็นแย่ลง
ตารางการดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูฝน
กิจกรรม | คำแนะนำ | ความถี่ |
การตรวจสอบยางรถยนต์ | ตรวจสอบดอกยางและแรงดันลมยางให้เหมาะสม | ทุก 1,000 กม. หรือทุกครั้งก่อนเดินทาง |
การตรวจสอบระบบเบรก | ตรวจสอบผ้าเบรก, น้ำมันเบรก และระบบเบรก ABS | ทุก 5,000 กม. หรือเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ |
การตรวจสอบไฟหน้าและไฟท้าย | ตรวจสอบไฟหน้า, ไฟตัดหมอก, ไฟเบรก และไฟเลี้ยวให้พร้อมใช้งาน | ทุกครั้งที่มีการขับขี่ในสภาพฝนตก |
การตรวจสอบระบบกันสะเทือน | ตรวจสอบโช้คอัพและยางกันสะเทือน | ทุก 10,000 กม. |
การดูแลรักษาห้องเครื่องยนต์ | ตรวจสอบกรองอากาศ, น้ำหล่อเย็น, สายพาน, ข้อต่อ และตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ | ทุก 5,000 กม. หรือทุกครั้งที่มีปัญหาการขับขี่ |
การดูแลห้องโดยสาร | เช็คระบบเครื่องปรับอากาศและทำความสะอาดกระจก | ทุก 1,000 กม. |
สรุป
การดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูฝนมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดูแลในฤดูอื่น ๆ การตรวจสอบและบำรุงรักษาส่วนต่างๆ ของรถยนต์จะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพถนนไม่ค่อยดีและมีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ
อย่าลืมว่า...การดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูฝนจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์
096-192-9698