463 จำนวนผู้เข้าชม |
1) ทิ้งคำพูดแง่ลบ
เช่น
“ฉันทำไม่ได้”
“เปล่าประโยชน์”
“เสี่ยงเกินไป”
“ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
.
เพราะสมองจะหยุดคิดสิ่งที่ซับซ้อนทันที
จะปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่สมควรจะเผยออกมา
.
แต่ถ้าพูดในแง่บวก สมองจะสามารถคิดแก้ไขปัญหาต่างๆได้
มองเห็นความเป็นไปได้
และมุ่งมั่นทำจนสำเร็จได้มากกว่า
2) ทิ้งการแสดงออกว่า “ฉันพยายามอยู่นะ”
ความพยายามไม่ได้วัดกันที่ระหว่างการลงมือทำ
แต่วัดกันที่ผลลัพธ์ ถ้าคุณทำสำเร็จ = คุณมีความพยายามที่ดีมาก
แต่ถ้าไม่ได้ผลลัพธ์ หรือทำไม่สำเร็จ = คุณยังพยายามไม่พอ
.
เลิกบอกให้คนอื่น เห็นความพยายามของคุณ
แต่จงคิดหาวิธีการทำให้สำเร็จ
และลงมือทำจนเกิดผลลัพธ์
.
สุดท้ายทุกคนจะมองเห็นความพยายามของคุณเอง
โดยที่คุณไม่ต้องบอกเลย
ว่าพยายามมากแค่ไหน
3) ทิ้งคำว่า “ยุ่ง”
ถ้าเอ่ยคำว่า “ยุ่ง” จนไม่เวลาทำงาน
จะเผยให้เห็นว่าคุณคิดถึงแต่ตัวเอง
รวมถึงเผยให้เห็นความไม่มั่นใจและอ่อนแออยู่ข้างใน
.
แทนที่จะบอกว่ายุ่งให้เปลี่ยนเป็น “งานนี้ฉันทำให้ก็ได้”
จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าคุณเก่ง
และไว้วางใจมอบหมายงานให้ทำ
4) ทิ้งการนินทาคนอื่น
เพราะการประจานตัวเอง และอาจทำให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดใจตามมา
.
จนไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนในองค์กร หรือในสถานที่นั้นได้อีก
อีกทั้งยังเป็นการใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
5) ทิ้งคำแก้ตัว
ยืดอกรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผิดพลาดให้ดีที่สุด
.
เลิกสรรหาคำพูดแก้ตัว เลิกหนีปัญหาแต่หาวิธีแก้ปัญหาแทน
จะช่วยให้คุณดูน่าเชื่อถือมากกว่า
6) ทิ้งการอ้างหลักการพร่ำเพรื่อ
เปลี่ยนแปลงตัวเอง ลงมือทำจนเกิดผลลัพธ์ก่อน
แล้วสิ่งอื่น คนอื่นๆ จะเปลี่ยนแปลงตามคุณเอง
“ความสัมพันธ์”
7) ทิ้งนิสัยเอาดีเข้าตัวเอง
อย่านำเสนอตัวเองจนเกินไป แต่ควรเอ่ยอย่างนอบน้อม
ว่าที่คุณทำสำเร็จได้ เพราะคนรอบข้างหรือใครบ้างที่คุณอยากขอบคุณเขา
8) ทิ้งคนที่ไม่จำเป็นในชีวิต
การที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้น
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของคอนเนคชั่นที่เรามี
.
เพราะคนประสบความสำเร็จหลายคนส่วนใหญ่ลงมือทำ
และเดินทางลุยเพียงลำพัง ไม่มีเวลาให้คนอื่นมาแทรกกลาง
9) ทิ้งการเปรียบเทียบกับคนอื่น
ไม่ใช้มาตรฐานของคนอื่นมาตัดสินคุณค่าของตัวเราเอง
.
เช่น เห็นคนอื่นมีรถยุโรปคันใหญ่
ให้คิดว่ารถเป็นเพียงแค่ยานพาหนะไว้ใช้สำหรับเดินทางเท่านั้น
แทนที่จะซื้อรถคันใหญ่ให้สิ้นเปลือง
ซื้อรถซีดานที่ประหยัดทั้งภาษ๊และค่าน้ำมันไม่ดีกว่าเหรอ
.
หรือการที่เห็นคนอื่นซื้อบ้านหลังใหญ่
ให้คิดว่าบ้านเป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น
.
แทนที่จะเสียเงินจำนวนมากไปกับบ้านหลังใหญ่
โดยไม่จำเป็น สู้เก็บเงินไว้ไปทำกิจกรรมอื่นที่ทำให้ชีวิตเราสนุกและมีความสุขดีกว่า
10) ทิ้งนิสัยขี้ทะนงตัว
คิดถึงผลลัพธ์ให้มากกว่าหน้าตา
เป็นอินทรีซ่อนเล็บ และทำในสิ่งที่คนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจ
.
เช่น เวลามีใครมาโต้เถียงกับคุณ ให้ถามกลับไปเลยว่า
“แล้วคุณหาเงินได้เท่าไหร่?”
วิธีนี้อาจดูเหมือนอวดดี แต่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อตัวคุณเอง
11) ทิ้งการเป็นคนดี
เพราะการเป็นคนดีไม่ได้ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ
เนื่องจากไม่กล้าขัดแย้งกับใครเลย ไม่กล้าคิดต่าง
ไม่กล้าทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่กล้าค้านแต่อย่างใด
.
คนที่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองดี คือ คนที่ไม่จุดยืนเป็นของตัวเอง
ทำตามความพึงพอใจของผู้อื่นเพียงเท่านั้น
และจะไม่มีวันมีความสุขในชีวิตได้เลย
.
จงเป็นคนแปลก ให้มากกว่าการเป็นคนดี
และกล้าตอกกลับคนที่ใช้คำพูดกับคุณอย่างไม่มีมารยาท
12) ทิ้งการพยายามสร้างคอนเน็กชั่น
แล้วหันมาโฟกัสที่การสร้างผลงานแทน
.
อย่ามัวเสียเวลากับการสร้างคอนเน็กชั่น
จนไม่มีเวลาสร้างผลงานเพราะเมื่อไหร่ที่ลงมือทำจนผลงานคุณโดดเด่น
คอนเน็กชั่นที่ดีจะหลั่งไหลเข้ามาหาคุณเอง
13) ทิ้งความคาดหวังให้อีกฝ่ายตอบแทนกลับ
ทำทุกอย่างด้วยความสนุก มีความสุข
เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง โดยเฉพาะกับผู้อื่น
อย่างไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ
“เงินกับเวลา”
14) ทิ้งนิสัยอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง โดยไม่ลงมือทำ
หากยังไม่รู้จักตัวเอง ควรอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง
.
แต่เมื่อรู้แล้วว่าขคุณค่าของตัวเองคืออะไร มีความชอบ
ความถนัดแบบไหน ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือพัฒนาตัวเองอีกต่อไป
แต่ให้เลือกอ่านหนังสือเฉพาะทางแทน
.
ควรเช็คประวัติของผู้เขียนว่าประสบความสำเร็จด้านนั้นๆ มาจริงหรือไม่
หรือแค่เขียนหนังสือโลกสวย เพื่อให้หนังสือขายดีเพียงเท่านั้น
.
อย่าเสียเงินไปกับงานสัมมนาหรือสินค้าที่จัดขึ้น
ควรมีกรอบความคิดเป็นของตัวเอง อ่านหนังสือ
แล้วนำมาปรับใช้ และลงมือทำจนเกิดผลลัพธ์
จึงจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
15) ทิ้งการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ควรเน้นประโยชน์ใช้สอย และความคุ้มค่าในการใช้สิ่งต่างๆ
ให้มากกว่าแค่ความอยากได้ เพราะจะช่วยทำให้คุณมีเงินเก็บมากขึ้น
โดยไม่ต้องฝืนมากนัก
16) ทิ้งนิสัยเก็บเงินแล้วไม่ยอมใช้
เช่น มีเสื้อโค้ท แต่ไม่ยอมเอามาใส่ เพราะกลัวเสื้อเปื้อน
ก็เหมือนไม่ไม่มีเสื้อโค้ท
.
มีรถแต่ไม่ขับ เพราะกลัวเปลืองน้ำมัน ก็เหมือนไม่มีรถ
.
เพราะฉะนั้นควรใช้เงินไปกับเรื่องที่มีประโยชน์
หรือทำให้คุณมีความสุขเสียบ้าง
.
เช่น
การไปเที่ยวในสถานที่ที่คุณอยากไป
การเรียนต่อ
การทำธุรกิจ
หรือลงทุนทำอะไรใหม่ๆ ที่คุณอยากจะทำ
.
ดีกว่าตายไป โดยยังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
เพียงเพราะเสียดายเงินที่มัวแต่เก็บไว้
แต่ไม่เคยได้นำออกมาใช้บ้างเลย
17) ทิ้งรูปถ่ายและสมุดบันทึกต่างๆ
ไม่จำเป็นต้องเก็บรูปถ่าย สมุดบันทึก หรือเรื่องราวในอดีตไว้
เพราะสิ่งที่สำคัญกว่า คือ ปัจจุบัน และอนาคตของคุณเอง
.
การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันจะทำให้ปัจจุบันและอนาคตของคุณ
ดีขึ้นมากกว่าการหวนคิดถึงแต่อดีตที่ผ่านมา
.
เพราะไม่ว่าในอดีตคุณจะทำดีมากแค่ไหน แต่มาเสียตอนปัจจุบัน
ผู้คนก็จะต่างกันตัดสินคุณ ว่าคุณคงเป็นคนไม่ดีมานานแล้วสินะ
.
ต่างกับถ้าในอดีตคุณประสบพบเจอกับเรื่องราวที่ไม่ดี
ความยากลำบาก แต่ปัจจุบันคุณทำชีวิตตัวเองดีมาก
ผู้คนจะต่างชื่นชมและมองคุณว่า ที่คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น
และประสบความสำเร็จได้ คงเป็นเพราะผ่านเรื่องราวในอดีตแบบนั้นมาสินะ