ใช้งานและดูแลที่ปัดน้ำฝนให้เป็น ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ

334 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ใช้งานและดูแลที่ปัดน้ำฝนให้เป็น ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ

ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร? มีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ ?
ที่ปัดน้ำฝนโดยเฉพาะ “ใบปัดน้ำฝน” นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคน เนื่องจากมีหน้าที่ในการปัดน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกรถ ไม่ว่าจะเป็นเศษใบไม้ แมลง ฝุ่นละออง ฯลฯ ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยเนื่องจากทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำว่าเวลาดูแลรถยนต์ ควรให้ความสำคัญและทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนด้วย

นอกจากนี้การเปิดที่ปัดน้ำฝนยังช่วยไล่ฝ้ากระจกที่เกิดจากภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในตอนที่ต้องขับรถหน้าฝนบ่อย ๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าวิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับการไล่ฝ้ากระจกบริเวณกระจกหน้าและหลังเท่านั้น ส่วนฝ้าบริเวณประตูข้างให้ใช้วิธีเลื่อนกระจกลงจนสุด แล้วเลื่อนกลับไปที่เดิม ก็จะช่วยลดความหนาของฝ้ากระจกได้เช่นกัน

ที่ปัดน้ำฝนประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
ส่วนประกอบของที่ปัดน้ำฝน ประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด 4 ส่วน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ตัวล็อก ทำหน้าที่ในการยึดใบปัดน้ำฝนกับแขนปัดน้ำฝน
2.ชุดสปริงแผ่นหรือ “แหนบ” ทำให้ที่ในการกดให้แผ่นยางสนิทกับผิวกระจก
3.แผ่นยาง ทำหน้าที่กวาดผิวหน้ากระจกให้สะอาด
4.ก้านใบ (โครง) ทำหน้าที่ในการยึดและติดตั้งแผ่นยาง

ใบปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ?
ในส่วนของ “อายุการใช้งาน” ของใบปัดน้ำฝน คนที่ดูแลรถยนต์ต้องรู้หน่อยว่าจะมีอายุราว ๆ 12 เดือน (1 ปี) แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในส่วนนี้ เมื่อถึงเวลาก็ไม่ได้เปลี่ยนใหม่ เนื่องจากมองว่า “ยังใช้งานได้อยู่” แต่ใช้ได้อยู่ไม่ได้แปลว่าใช้ได้ดี หากฝืนใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพไปนาน ๆ อาจทำให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะกระจกหน้ารถเป็นรอยได้

มากไปกว่านั้นหากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพในตอนที่ต้องขับรถหน้าฝน บอกเลยว่างานหยาบสุด ๆ เพราะจะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ตามมาได้ วิธีตั้งข้อสังเกตว่าที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง คือ เมื่อใช้งานจะทำความสะอาดไม่มีประสิทธิภาพ เกิดละอองน้ำเป็นครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยด ๆ และอาการกระตุกขณะใช้งานร่วมด้วย

 
ใบปัดน้ำฝนมีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันยังไง ?
สำหรับใบปัดน้ำฝนหรือในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ โดยแต่ละประเภทมี

คุณสมบัติดังต่อไปนี้

1. ใบปัดน้ำฝนประเภทซ่อนแขนใบปัด
ใบปัดประเภทนี้มีแขนใบพัด (โครงเหล็ก) แต่มันถูกออกแบบให้มี “ที่ครอบแขนใบปัด” เพิ่มเติม นอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว ยังคงประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนได้ดีมาก ๆ ซึ่งใบปัดน้ำฝนประเภทนี้จะไม่มีแขนใบพัด เนื่องจากถูกออกแบบให้มี “แกนเหล็ก” ติดอยู่กับตัวแผ่นยาง ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้ดี


2. ใบปัดน้ำฝนประเภทไร้โครงเหล็ก
ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ไม่มีแขนใบปัด เนื่องจากถูกออกแบบให้มีแกนเหล็กติดอยู่กับตัวแผ่นยาง กระจายน้ำหนักในการปัดสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี แถมยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดพื้นที่ต้านลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยแม้จะขับรถด้วยความเร็วสูงก็ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


3. ใบปัดน้ำฝนประเภทมีโครงเหล็ก
เป็นประเภทที่อยู่คู่กับรถยนต์มายาวนาน มักลักษณะเด่นคือ “มีโครงเหล็กแขนใบปัดยึดคู่กับตัวแผ่นยาง” มีข้อดีตรงที่มีความทนทานสูงมาก ๆ แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพการปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผ่นยางที่เลือกใช้ รวมไปถึงจำนวนจุดข้อต่อบนแขนใบปัดด้วย ยิ่งมีข้อต่อมากยิ่งกระจายแรงกดดันได้ดี ทำให้ปัดน้ำฝนหรือสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างหมดจด


จะเป็นยังไงหากเลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนผิดขนาด ?
กรณีที่ติดใบปัดน้ำฝนผิดขนาดไม่ใช่ผลดีเลยสักนิด เพราะถ้าหากติดเล็กเกินไปจะส่งผลต่อรัศมีในการปัดที่น้อยลง แถมยังส่งผลต่อการขับขี่ปลอดภัยเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี หรือถ้าหากติดใหญ่เกินไป อาจเลยขอบกระจกทำให้ใบปัดได้รับความเสียหาย รวมถึงอายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วย

ถ้าไม่แน่ใจดูแลรถยนต์ให้การใช้งานสมบูรณ์แนะนำให้ดูในคู่มือรถยนต์ก่อนซื้อ หรือจะเปรียบเทียบรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนก็ได้เช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในอนาคต
เมื่อเริ่มเห็นความสำคัญและความจำเป็นของที่ปัดน้ำฝนแล้ว อย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่อง “ประกันรถยนต์” กันด้วย เพราะถึงแม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะช่วยลดอุบัติเหตุเมื่อต้องขับรถหน้าฝนได้ในระดับหนึ่ง แต่อุบัติเหตุไม่เลือกเวลาเกิด คงจะดีไม่ใช่น้อยหากมีใครสักคนคอยช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย ค่าเสียหาย และอยู่เคียงข้างเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไว้ใจให้  เรา ดูแลคุณจะดีกว่า เพราะเรายินดีหาเบี้ยประกันราคาสบายกระเป๋า แต่ยังคงให้ความคุ้มค่าแบบจัดเต็ม เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้เลย


ดูแลที่ปัดน้ำฝนยังให้ ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพไปนาน ๆ
จริง ๆ แล้วที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยพังหรือเสื่อมสภาพได้ง่าย เว้นแต่ว่าคุณจอดรถตากแดดเป็นประจำ แถมจอดทิ้งกลางแดดเป็นเวลานานๆ แบบนี้มีแต่จะทำให้ยางปัดน้ำฝนแข็งและกรอบ ขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากยางแนบกับความร้อนแทบตลอดเวลา หลายคนเมื่อเห็นแบบนี้เลยเลือกแก้ปัญหาด้วยการยกใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างไว้ทุกวัน บอกเลยว่าอาจไม่ใช่วิธีดูแลรถยนต์ที่ดีเลย

เพราะถึงแม้ว่ายางจะไม่สัมผัสกับความร้อนแล้ว แต่ตัว “สปริง” ที่ก้านใบปัดน้ำฝนเกิดอาการล้า จนส่งผลให้เกิดแรงกดบนกระจกลดลง แน่นอนว่าทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลงตามไปด้วย และการแก้ปัญหาแบบนี้มีแต่จะทำให้เจ็บตัวหนักกว่าเดิม เพราะค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสปริงแพงกว่าการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอยู่มากเลยล่ะ


ต้องจอดรถแบบไหน ถึงถนอมที่ปัดน้ำฝนได้ดีกว่า ?
ถ้าถามว่าจอดรถแบบไหนช่อยถนอมที่ปัดน้ำฝนได้ดีกว่า บอกเลยว่า “จอดในที่ร่ม” ดีที่สุด นอกจากนี้ยังควรหมั่นดูแลรถยนต์ ด้วยการตรวจเช็กสภาพความพร้อม รวมถึงทำความสะอาดยางปัดน้ำฝน ‘อย่างน้อย’ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยการยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นแล้วเช็ดด้วยผ้าบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝน (ทิศทางเดียวกัน)

กรณีที่พบร่องรอยฉีกขาดแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทันที เพราะนอกจากจะส่งผลต่อการปัดน้ำฝนและสิ่งต่าง ๆ บนกระจกหน้ารถแล้ว ยังก่อให้เกิดเสียงดังและเกิดอาการสะดุดเวลาใช้งาน มากกว่าไปนั้นอาจทำให้กระจกเป็นรอยข่วนอีกด้วย
เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน
สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนด้วยตัวเองดูแลรถยนต์เองที่บ้านเพื่อการขับขี่ปลอดภัย ไม่ยากเลยสำหรับชิ้นส่วนนี้ แนะนำให้เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และทำตามขั้นตอนการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนที่ เรา รวบรวมมาให้กันเลยดีกว่า

อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง ?
อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ดังนี้

*ยางปัดน้ำฝน
*คัตเตอร์
*เข็ม


ขั้นตอนการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน
อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ดังนี้

ยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง จากนั้นหมุนใบปัดน้ำฝนให้ทำมุม 90 องศากับก้านปัดน้ำฝน จนกว่าจะเห็นสลักเล็ก ๆ
เมื่อเห็นสลักให้ทำการดันสลักลง พร้อมกับดันใบปัดน้ำฝนออก (เพื่อความสะดวกในการใส่ยาง)
ดึงยางอันเก่าพร้อมเส้นเหล็กออกมาอย่างช้า ๆ จากนั้นให้ดึงเส้นเหล็กออกจากยางอันเก่า
ใส่ยาง (อันใหม่) กับที่ปัดน้ำฝนจดสุด จนกว่าจงล็อกกันพอดี พร้อมกับสอดเส้นเหล็กเข้าไปในยางปัดน้ำมัน (ร่องบนสุดของยาง) หากมียางเกินออกมาให้ตัดออก
ใส่ที่ปัดน้ำฝนกับก้านปัดให้เรียบร้อย
.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่                                                  
โทรเข้า Call Center คุณธีร์ : 095-504-9398

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้