วิธีดูแลรถในฤดูร้อน

444 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีดูแลรถในฤดูร้อน

 

       การดูแลรถในฤดูร้อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในช่วงอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งฤดูร้อนในบางพื้นที่อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้น ส่งผลกระทบต่อส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์ ยาง แบตเตอรี่ และระบบปรับอากาศ เป็นต้น

       ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีการดูแลรถในฤดูร้อนอย่างละเอียด เพื่อให้เจ้าของรถสามารถดูแลรักษารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 



1. ตรวจสอบระบบหล่อเย็น (Cooling System)
       ในฤดูร้อน เครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้นเพราะอุณหภูมิสูง จึงต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบระบบหล่อเย็น ซึ่งประกอบด้วยน้ำหล่อเย็น (Coolant) และหม้อน้ำ (Radiator)

  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ และเติมน้ำหล่อเย็นให้เต็มตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • ตรวจสอบการรั่วซึม : ตรวจสอบท่อและหม้อน้ำว่าไม่มีรอยรั่วหรือรอยแตก เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำหล่อเย็นที่อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป
  • การทำงานของพัดลมระบายความร้อน : ตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) ว่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

2. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องมีบทบาทในการหล่อลื่นและป้องกันการเสียดสีภายในเครื่องยนต์ ในฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำมันเครื่องอาจสูญเสียความหนืดไปเร็วขึ้น ทำให้ไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีเท่าที่ควร

  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเติมให้เหมาะสมหากระดับต่ำเกินไป
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง : หากถึงระยะเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ผู้ผลิตแนะนำ ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น

 


3. ตรวจสอบระบบปรับอากาศ (Air Conditioning)

ในฤดูร้อน ระบบปรับอากาศ (แอร์) จะต้องทำงานหนักมากขึ้น การที่แอร์ไม่เย็นหรือไม่ทำงานเลยจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกไม่สะดวกสบาย

  • ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์ : ตรวจสอบว่าระบบปรับอากาศมีน้ำยาแอร์ (Refrigerant) เพียงพอหรือไม่ และเติมน้ำยาแอร์หากจำเป็น
  • ตรวจสอบกรองอากาศ : เปลี่ยนกรองอากาศ (Cabin Air Filter) หากมันสกปรกหรืออุดตัน เพื่อให้การไหลเวียนของอากาศในห้องโดยสารดีขึ้น
  • เช็คการทำงานของคอมเพรสเซอร์ : ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ หากพบความผิดปกติ ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

 


4. ตรวจสอบยางและความดันลมยาง

ความร้อนในฤดูร้อนอาจทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพหรือเสี่ยงต่อการระเบิดได้หากไม่ดูแล

  • ตรวจสอบการสึกหรอของยาง : ตรวจสอบว่าหน้ายางไม่สึกเกินไป และดูว่าไม่มีรอยแตกหรือบวม
  • ตรวจสอบความดันลมยาง : ควรตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน เพราะอุณหภูมิที่สูงสามารถทำให้ลมยางขยายตัว ส่งผลให้ความดันลมยางสูงเกินไป
  • หมุนยาง : เพื่อให้ยางสึกอย่างสม่ำเสมอ ควรหมุนยางทุกๆ 10,000-15,000 กม.

 


5. ตรวจสอบแบตเตอรี่

ฤดูร้อนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติเนื่องจากความร้อน

  • ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ให้แน่ใจว่าไม่มีคราบสกปรกหรือสนิม เพราะอาจทำให้การไหลของกระแสไฟฟ้าไม่ดี
  • ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น : หากใช้แบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่น และเติมน้ำกลั่นให้เหมาะสม
  • ทดสอบแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ : หากแบตเตอรี่ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ควรนำแบตเตอรี่มาตรวจสอบและเปลี่ยนหากจำเป็น

 


6. ตรวจสอบสายพานและพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง

สายพานและระบบพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง (Power Steering) เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัย

  • ตรวจสอบสายพาน : สายพานควรตรวจสอบความตึงและสภาพการใช้งาน หากมีการแตกร้าวหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
  • ตรวจสอบน้ำมันพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง : ตรวจสอบระดับน้ำมันพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง และเติมให้พอเหมาะ

 


7. การล้างทำความสะอาดรถยนต์

การขับขี่ในฤดูร้อนทำให้รถอาจมีฝุ่นและสิ่งสกปรกสะสมมากขึ้น

  • ล้างทำความสะอาดภายนอก : ควรล้างรถให้สะอาด โดยเฉพาะใต้ท้องรถและล้อ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสกปรกที่อาจทำให้เกิดสนิม
  • ดูแลภายในห้องโดยสาร : เช็ดทำความสะอาดภายในรถ เช่น พื้นผิวของคอนโซล เก้าอี้ และเบาะ เพื่อให้ห้องโดยสารสะอาดและไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์

 


8. ระวังการจอดรถในที่ร้อนจัด

การจอดรถในที่ที่มีแสงแดดจัดสามารถทำให้ภายในห้องโดยสารร้อนจัดและทำให้วัสดุต่างๆ เสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ

  • ใช้บังแดด : ใช้บังแดดสำหรับกระจกหน้ารถเพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร
  • จอดในที่ร่ม : หากเป็นไปได้ ควรจอดรถในที่ร่ม หรือหาที่จอดที่มีการระบายอากาศที่ดี

 


9. ตรวจสอบไฟหน้าและไฟท้าย

ในช่วงฤดูร้อน บางครั้งฝุ่นหรือแมลงอาจไปเกาะที่ไฟหน้าหรือไฟท้าย ทำให้แสงไฟไม่สว่าง

  • ทำความสะอาดไฟหน้าและไฟท้าย : ตรวจสอบและทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้าย และไฟสัญญาณต่างๆ ให้สะอาด

 

 

10. ตรวจสอบน้ำหล่อเย็นของเบรก

ระบบเบรกเป็นระบบที่สำคัญและควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษในฤดูร้อน เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • ตรวจสอบน้ำมันเบรก : ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและเติมให้เพียงพอ

 

 

สรุป
       การดูแลรถยนต์ในฤดูร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่เจ้าของรถควรใส่ใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพอากาศที่ร้อนจัด และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานขึ้น ด้วยการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์  096-192-9698

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้