การดูแลรถในฤดูร้อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในช่วงอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งฤดูร้อนในบางพื้นที่อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้น ส่งผลกระทบต่อส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์ ยาง แบตเตอรี่ และระบบปรับอากาศ เป็นต้น
ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีการดูแลรถในฤดูร้อนอย่างละเอียด เพื่อให้เจ้าของรถสามารถดูแลรักษารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ตรวจสอบระบบหล่อเย็น (Cooling System)
ในฤดูร้อน เครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้นเพราะอุณหภูมิสูง จึงต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบระบบหล่อเย็น ซึ่งประกอบด้วยน้ำหล่อเย็น (Coolant) และหม้อน้ำ (Radiator)
- ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ และเติมน้ำหล่อเย็นให้เต็มตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
- ตรวจสอบการรั่วซึม : ตรวจสอบท่อและหม้อน้ำว่าไม่มีรอยรั่วหรือรอยแตก เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำหล่อเย็นที่อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป
- การทำงานของพัดลมระบายความร้อน : ตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) ว่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องมีบทบาทในการหล่อลื่นและป้องกันการเสียดสีภายในเครื่องยนต์ ในฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำมันเครื่องอาจสูญเสียความหนืดไปเร็วขึ้น ทำให้ไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีเท่าที่ควร
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเติมให้เหมาะสมหากระดับต่ำเกินไป
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง : หากถึงระยะเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ผู้ผลิตแนะนำ ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น

3. ตรวจสอบระบบปรับอากาศ (Air Conditioning)
ในฤดูร้อน ระบบปรับอากาศ (แอร์) จะต้องทำงานหนักมากขึ้น การที่แอร์ไม่เย็นหรือไม่ทำงานเลยจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกไม่สะดวกสบาย
- ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์ : ตรวจสอบว่าระบบปรับอากาศมีน้ำยาแอร์ (Refrigerant) เพียงพอหรือไม่ และเติมน้ำยาแอร์หากจำเป็น
- ตรวจสอบกรองอากาศ : เปลี่ยนกรองอากาศ (Cabin Air Filter) หากมันสกปรกหรืออุดตัน เพื่อให้การไหลเวียนของอากาศในห้องโดยสารดีขึ้น
- เช็คการทำงานของคอมเพรสเซอร์ : ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ หากพบความผิดปกติ ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

4. ตรวจสอบยางและความดันลมยาง
ความร้อนในฤดูร้อนอาจทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพหรือเสี่ยงต่อการระเบิดได้หากไม่ดูแล
- ตรวจสอบการสึกหรอของยาง : ตรวจสอบว่าหน้ายางไม่สึกเกินไป และดูว่าไม่มีรอยแตกหรือบวม
- ตรวจสอบความดันลมยาง : ควรตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน เพราะอุณหภูมิที่สูงสามารถทำให้ลมยางขยายตัว ส่งผลให้ความดันลมยางสูงเกินไป
- หมุนยาง : เพื่อให้ยางสึกอย่างสม่ำเสมอ ควรหมุนยางทุกๆ 10,000-15,000 กม.
5. ตรวจสอบแบตเตอรี่
ฤดูร้อนอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติเนื่องจากความร้อน
- ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ให้แน่ใจว่าไม่มีคราบสกปรกหรือสนิม เพราะอาจทำให้การไหลของกระแสไฟฟ้าไม่ดี
- ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น : หากใช้แบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่น และเติมน้ำกลั่นให้เหมาะสม
- ทดสอบแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ : หากแบตเตอรี่ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ควรนำแบตเตอรี่มาตรวจสอบและเปลี่ยนหากจำเป็น

6. ตรวจสอบสายพานและพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง
สายพานและระบบพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง (Power Steering) เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัย
- ตรวจสอบสายพาน : สายพานควรตรวจสอบความตึงและสภาพการใช้งาน หากมีการแตกร้าวหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสอบน้ำมันพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง : ตรวจสอบระดับน้ำมันพาวเวอร์สเตียร์ริ่ง และเติมให้พอเหมาะ
7. การล้างทำความสะอาดรถยนต์
การขับขี่ในฤดูร้อนทำให้รถอาจมีฝุ่นและสิ่งสกปรกสะสมมากขึ้น
- ล้างทำความสะอาดภายนอก : ควรล้างรถให้สะอาด โดยเฉพาะใต้ท้องรถและล้อ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสกปรกที่อาจทำให้เกิดสนิม
- ดูแลภายในห้องโดยสาร : เช็ดทำความสะอาดภายในรถ เช่น พื้นผิวของคอนโซล เก้าอี้ และเบาะ เพื่อให้ห้องโดยสารสะอาดและไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์

8. ระวังการจอดรถในที่ร้อนจัด
การจอดรถในที่ที่มีแสงแดดจัดสามารถทำให้ภายในห้องโดยสารร้อนจัดและทำให้วัสดุต่างๆ เสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ
- ใช้บังแดด : ใช้บังแดดสำหรับกระจกหน้ารถเพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร
- จอดในที่ร่ม : หากเป็นไปได้ ควรจอดรถในที่ร่ม หรือหาที่จอดที่มีการระบายอากาศที่ดี
9. ตรวจสอบไฟหน้าและไฟท้าย
ในช่วงฤดูร้อน บางครั้งฝุ่นหรือแมลงอาจไปเกาะที่ไฟหน้าหรือไฟท้าย ทำให้แสงไฟไม่สว่าง
- ทำความสะอาดไฟหน้าและไฟท้าย : ตรวจสอบและทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้าย และไฟสัญญาณต่างๆ ให้สะอาด

10. ตรวจสอบน้ำหล่อเย็นของเบรก
ระบบเบรกเป็นระบบที่สำคัญและควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษในฤดูร้อน เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบน้ำมันเบรก : ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและเติมให้เพียงพอ
สรุป
การดูแลรถยนต์ในฤดูร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่เจ้าของรถควรใส่ใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพอากาศที่ร้อนจัด และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานขึ้น ด้วยการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698