รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Car) คือ รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine หรือ ICE) กับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยทั้งสองระบบสามารถทำงานร่วมกันหรือทำงานแยกกันได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่ ซึ่งทำให้รถยนต์ไฮบริดสามารถประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยมลพิษได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว
ประเภทของรถยนต์ไฮบริด
1. Full Hybrid (HEV - Hybrid Electric Vehicle)- เป็นรถที่มีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งสองสามารถทำงานแยกกันหรือร่วมกันได้โดยอัตโนมัติ
- ตัวอย่างเช่น Toyota Prius, Honda Insight
2. Plug-in Hybrid (PHEV - Plug-in Hybrid Electric Vehicle)- มีระบบคล้ายกับ Full Hybrid แต่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะทางที่ไกลขึ้น
- ตัวอย่างเช่น Mitsubishi Outlander PHEV, Toyota Prius Prime
3. Mild Hybrid (MHEV - Mild Hybrid Electric Vehicle)
- ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเครื่องยนต์ แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
- ตัวอย่างเช่น Audi A6 50 TFSI e

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด
1. ประหยัดน้ำมัน- เนื่องจากการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริดสามารถใช้พลังงานน้ำมันน้อยลง ทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับในเมืองหรือการจราจรที่มีการหยุดบ่อย ๆ
2. ลดมลพิษ- การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 และมลพิษจากการเผาไหม้ของน้ำมัน ทำให้รถยนต์ไฮบริดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
3. ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา- เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเหมือนเครื่องยนต์สันดาป รวมถึงระบบการชาร์จแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน
4. ขับขี่เงียบ- รถยนต์ไฮบริดมีการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เงียบกว่าการใช้เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นประสบการณ์ที่เงียบและนุ่มนวล
5. การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง- ในระหว่างการขับขี่ที่มีการเบรก หรือขับในสภาพที่ไม่ต้องการพลังงานมาก รถยนต์ไฮบริดสามารถนำพลังงานที่เหลือกลับมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่โดยใช้ระบบ regenerative braking ซึ่งทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
6. เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง- รถยนต์ไฮบริดเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการหยุดบ่อย ๆ เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนรถยนต์โดยไม่ใช้น้ำมันในขณะนั้น

ข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด
1. ราคาซื้อสูง- รถยนต์ไฮบริดมักจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงระบบแบตเตอรี่ที่มีราคาแพง
2. ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่- แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฮบริดมีอายุการใช้งานที่จำกัด หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ การเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
3. พื้นที่เก็บสัมภาระจำกัด- บางรุ่นของรถยนต์ไฮบริดอาจมีพื้นที่เก็บสัมภาระน้อยกว่าเนื่องจากระบบแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ต้องติดตั้งในรถยนต์
4. ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยังไม่เท่ากับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน- ถึงแม้จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริดบางรุ่นอาจไม่ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดเทียบเท่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) ในเรื่องการขับขี่หรือระยะทางที่ใช้ไฟฟ้า
5. ซ่อมแซมที่ซับซ้อน- ระบบที่ซับซ้อนของรถยนต์ไฮบริดอาจทำให้การซ่อมแซมหรือการตรวจสอบต้องมีความรู้เฉพาะด้าน และอาจต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญ
6. การชาร์จไฟไม่สะดวก (สำหรับ Plug-in Hybrid)- หากคุณใช้รถยนต์ Plug-in Hybrid อาจต้องการการเชื่อมต่อเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งหากไม่มีสถานีชาร์จใกล้เคียงหรือการเข้าถึงการชาร์จที่สะดวก จะทำให้ข้อได้เปรียบจากมอเตอร์ไฟฟ้าลดลง

ความคุ้มค่าในการเลือกใช้รถยนต์ไฮบริด
การเลือกใช้รถยนต์ไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ รวมทั้งต้องการความสะดวกในการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หากคุณไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับขี่หรือไม่สามารถเข้าถึงสถานีชาร์จได้สะดวก รถยนต์ไฮบริดอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการลดการใช้พลังงานจากน้ำมันอย่างจริงจังหรือเดินทางระยะไกล รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% แต่ก็ต้องคำนึงถึงการเข้าถึงสถานีชาร์จและระยะทางที่สามารถขับขี่ได้
สรุป
รถยนต์ไฮบริดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้พลังงานจากน้ำมันและลดมลพิษ โดยยังคงได้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีและสะดวกในการใช้งานในเมือง แต่ต้องพิจารณาข้อเสียในเรื่องของราคาและการบำรุงรักษาเพื่อการตัดสินใจที่ดีในการเลือกซื้อรถยนต์ไฮบริด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698