การดูแลรักษารถยนต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้รถพังไว โดยมีหลายสาเหตุที่ทำให้รถพังเร็วกว่าปกติ ต่อไปนี้คือ 7 สาเหตุหลักที่ทำให้รถพังไว
1. การขับขี่ที่ไม่ถูกวิธี- การขับขี่ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การเหยียบเบรกหรือเร่งเครื่องหนักเกินไป การขับรถด้วยความเร็วสูงโดยไม่ระมัดระวัง รวมไปถึงการหักพวงมาลัยอย่างรุนแรง จะส่งผลให้เครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ในรถได้รับความเสียหาย หรือทำให้ชิ้นส่วนภายในรถเกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
- การขับรถในสภาพการจราจรที่คับคั่งติดต่อกันเป็นเวลานานก็สามารถทำให้ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไปและอาจเกิดความเสียหายได้
2. การไม่ดูแลรักษาเครื่องยนต์และระบบน้ำหล่อเย็น
- การไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด หรือการใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่เหมาะสมกับรถยนต์จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
- การไม่ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นหรือไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามกำหนด อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์

3. การไม่ตรวจสอบหรือบำรุงรักษาระบบเบรก- ระบบเบรกที่ไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผ้าเบรกหมด หรือมีน้ำมันเบรกรั่วไหล จะทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทันทีในกรณีที่ต้องการ ทำให้เกิดอันตรายและการสึกหรอของส่วนต่างๆในระบบเบรก
- การละเลยในการตรวจสอบการทำงานของระบบเบรกอาจทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น แผ่นเบรกแตกหรือคาลิปเปอร์เบรกไม่ทำงาน
4. การใช้ยางที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ
- ยางที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานแล้วจะมีการยึดเกาะถนนที่แย่ลง ทำให้การควบคุมรถยากขึ้น และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
- การตรวจสอบยางอย่างสม่ำเสมอและการตรวจสอบสภาพยางอย่างละเอียด เช่น การตรวจสอบดอกยางและการวัดความดันลมยางเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อระบบขับเคลื่อนของรถ

5. การใช้เชื้อเพลิงไม่เหมาะสม
- การใช้น้ำมันที่ไม่ตรงตามคำแนะนำของผู้ผลิต (เช่น น้ำมันที่มีอ็อกเทนต่ำกว่าที่แนะนำ) อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจเกิดการสะสมของเขม่าในระบบเครื่องยนต์
- การเติมน้ำมันที่ไม่สะอาดหรือมีสิ่งเจือปนสามารถทำให้ระบบน้ำมันเกิดปัญหาทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ
6. การขับรถในสภาพถนนที่ไม่ดี
- การขับรถในสภาพถนนที่ไม่ดี เช่น ถนนขรุขระหรือมีหลุมบ่อบ่อย ๆ จะทำให้ระบบกันสะเทือนของรถทำงานหนักขึ้นและเกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
- การขับรถบนถนนที่มีน้ำท่วมขัง หรือมีสิ่งของแปลกปลอมตกอยู่บนถนนอาจทำให้ระบบช่วงล่างได้รับความเสียหาย
7. การละเลยในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่
- การไม่ตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถอย่างสม่ำเสมอ เช่น สายไฟที่หลวม หรือแบตเตอรี่ที่เริ่มเสื่อมสภาพอาจทำให้ระบบไฟฟ้าในรถมีปัญหา ทำให้ระบบต่าง ๆ ในรถไม่ทำงานตามปกติ เช่น ไฟหน้ารถไม่สว่าง หรือเครื่องยนต์ไม่สามารถสตาร์ทได้
- การไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาและการใช้งานที่เหมาะสมสามารถทำให้แบตเตอรี่หมดหรือไม่สามารถชาร์จไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป
การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอและตรวจสอบสภาพของรถในแต่ละระบบเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและป้องกันไม่ให้รถพังไวจากสาเหตุต่างๆ ดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แต่ยังช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698