แบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญของระบบไฟในรถยนต์ ทั้งการสตาร์ทรถ ไฟหน้า ไฟเบรก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หากแบตเสื่อมหรือมีปัญหา รถอาจสตาร์ทไม่ติดได้เลย ดังนั้นการรู้วิธีเช็คแบตเบื้องต้นด้วยตัวเอง จึงเป็นเรื่องที่ควรรู้ไว้ครับ
วิธีเช็คแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยตัวเอง
1. สังเกตอาการผิดปกติ
- สตาร์ทรถแล้วเสียงแผ่วหรือหมุนช้า
- ไฟหน้าสว่างน้อยกว่าปกติ
- ระบบไฟฟ้าภายในรถเริ่มทำงานผิดปกติ
- หากมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
2. ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่- เปิดฝากระโปรงหน้ารถ ดูที่แบตเตอรี่
- ขั้วแบต (ขั้วบวก + และ ขั้วลบ -) ต้องแน่น ไม่มีคราบเขียวหรือขี้เกลือเกาะ
- หากมีคราบขาว/เขียว ให้ถอดขั้ว (โดยเริ่มจากขั้วลบก่อน) แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนหรือเบกกิ้งโซดาละลายน้ำ
3. เช็คแรงดันไฟด้วยมัลติมิเตอร์ (Multimeter)- ตั้งมิเตอร์ที่โหมด DCV (โวลต์กระแสตรง)
- แตะสายสีแดงกับขั้วบวก สายสีดำกับขั้วลบ
- หากรถ ไม่ได้สตาร์ท ค่าแรงดันควรอยู่ที่ 12.4 – 12.7 โวลต์
- หากรถ สตาร์ทอยู่ ค่าแรงดันควรอยู่ที่ 13.7 – 14.7 โวลต์
- หากต่ำกว่านี้ แสดงว่าแบตอ่อนหรือเริ่มเสื่อม
4. ดูอายุการใช้งาน- แบตเตอรี่แบบแห้งหรือแบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มักมีอายุประมาณ 1.5 – 2 ปี
- หากเลยอายุแล้วควรเปลี่ยน แม้ยังใช้งานได้ก็ตาม เพื่อความมั่นใจในการเดินทาง
เคล็ดลับดูแลแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นาน- ไม่เปิดไฟหน้าทิ้งไว้ขณะดับเครื่อง
- หมั่นสตาร์ทรถ หากจอดทิ้งไว้นาน
- ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตแบบเติมน้ำ)
- ถอดขั้วแบตเมื่อต้องจอดนานเป็นเดือน
สรุปสั้น ๆ:
แค่ใช้สายตา มัลติมิเตอร์ และความใส่ใจ คุณก็สามารถเช็คแบตรถยนต์ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพื่อความมั่นใจทุกครั้งก่อนเดินทาง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698