106 จำนวนผู้เข้าชม |
ลำดับ | จุดที่ต้องเช็ก | สังเกตอาการยังไง? | วิธีตรวจสอบเบื้องต้น | แก้ไขเบื้องต้นได้ยังไง? |
1 | แบตเตอรี่ | ไม่มีเสียงเลย / ไฟหน้ามืด / กดรีโมตไม่ | เปิดไฟหน้าดูว่าติดไหม / มีเสียงคลิกไหม | พ่วงแบต / เปลี่ยนแบต / เรียกช่าง |
2 | สายไฟหลุด/ขั้วหลวม | ไฟติดบางจุด / ไฟกระพริบ / บางครั้งสตาร์ทติด | เปิดฝากระโปรง เช็กขั้วแบตหลวมไหม | ขันขั้วให้แน่น / ทำความสะอาดคราบเขียว |
3 | เชื้อเพลิง | สตาร์ทหมุนแต่ไม่ติด / กลิ่นน้ำมันแรงมาก | ดูไฟน้ำมันในหน้าปัด / เคยเติมล่าสุดเมื่อไร | เติมน้ำมัน / เช็กถังเชื้อเพลิกรั่วไหม |
4 | สวิตช์กุญแจหรือปุ่ม Start | หมุนกุญแจไม่มีอะไรเกิดขึ้น / ปุ่มไม่ตอบสนอง | ลองกดเบรกพร้อมกดปุ่มใหม่ | ใช้กุญแจสำรอง / รีเซ็ตระบบ |
5 | ระบบกันขโมย (Immobilizer) | มีสัญลักษณ์รูปกุญแจโชว์ / มีไฟกระพริบผิด | เช็กรีโมตว่าถูกต้องไหม | ลองใช้กุญแจชุดอื่น / เรียกช่างเฉพาะทาง |
6 | มอเตอร์สตาร์ท | มีเสียง "แชะ ๆ ๆ" แต่เครื่องไม่ติด | ฟังเสียงตอนบิดกุญแจ / เสียงดังผิดปกติ | เคาะเบาๆ ตรงมอเตอร์ / เตรียมเปลี่ยน |
7 | ฟิวส์ขาด | ระบบไฟบางส่วนดับ / ไฟไม่ขึ้นเลย | เปิดกล่องฟิวส์ใต้คอนโซล / ฝากระโปรง | เปลี่ยนฟิวส์ (ใช้ค่าแอมป์เท่าเดิม) |
คำแนะนำ:
เทคนิค | รายละเอียด |
ขับรถทุก 2–3 วัน | ไม่ควรจอดทิ้งไว้นานเกิน 5 วัน โดยไม่ติดเครื่อง |
ปิดไฟ–อุปกรณ์ทุกครั้งก่อนลงจากรถ | เพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมดโดยไม่รู้ตัว |
ตรวจเช็กระบบไฟทุก 6 เดือน | โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ขั้วไฟ และฟิวส์ |
ใช้น้ำกลั่นที่มีคุณภาพ | สำหรับแบตรุ่นเติมน้ำกลั่นได้ |
จอดในที่ร่ม / หลีกเลี่ยงแดดจัด | ลดโอกาสแบตเสื่อมจากความร้อน |