ภัยธรรมชาติกับประกันรถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง?

212 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภัยธรรมชาติกับประกันรถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันชั้น 1: คุ้มครองภัยธรรมชาติ

ถ้าเราทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1

  • จะคุ้มครองรถเสียหายจาก น้ำท่วม, พายุ, ลูกเห็บ, ดินโคลนถล่ม และภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการชน
  • บริษัทประกันจะจ่ายค่าซ่อมตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์

ตัวอย่าง:

  • รถจอดในบ้านแล้วน้ำท่วม → คุ้มครอง
  • หลังคาบ้านปลิวมาตกใส่รถเพราะพายุ → คุ้มครอง


ประกันชั้น 2+, 3+, และชั้น 3

  • ส่วนใหญ่ จะไม่คุ้มครองภัยธรรมชาติ
  • ประกันชั้น 2+ และ 3+ คุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบก และกรณีรถหายหรือไฟไหม้ (แล้วแต่กรมธรรม์)
  • ถ้าอยากได้คุ้มครองภัยธรรมชาติ ต้องซื้อประกันชั้น 1 หรือซื้อ ความคุ้มครองเพิ่มเติม (Optional Coverage) จากบางบริษัท


ต้องระวังอะไรบ้าง?

  • ถ้ารถจมน้ำแล้วพยายามสตาร์ทเอง → อาจทำให้เครื่องยนต์พังเสียหายเพิ่ม
  • ในบางกรณี บริษัทประกันอาจไม่จ่ายเต็ม ถ้าประเมินว่าเป็นความเสียหายที่เจ้าของรถ “จงใจ” ทำให้เกิด
  • ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ควรจอดรถในที่สูงหรือติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำเข้ารถ


วิธีเคลมกรณีภัยธรรมชาติ

  • ถ่ายรูปความเสียหาย ให้ชัดเจน (รอบคันและจุดที่เสียหาย)
  • โทรแจ้งบริษัทประกันทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดู
  • อย่าสตาร์ทรถ ถ้ารถจมน้ำ
  • รอประเมินค่าเสียหาย และซ่อมตามเงื่อนไขของกรมธรรม์


ควรตรวจสอบก่อนทำประกัน

  • ดูในกรมธรรม์ว่าครอบคลุมภัยธรรมชาติหรือไม่
  • ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใกล้แม่น้ำ หรือถนนที่น้ำท่วมบ่อย แนะนำให้เลือกประกันชั้น 1
  • สอบถามตัวแทนหรือโบรกเกอร์ให้ชัดเจนเรื่องความคุ้มครอง


สรุป

  • ประกันชั้น 1 ส่วนใหญ่คุ้มครองภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม พายุ ลูกเห็บ
  • ประกันชั้น 2+, 3+, และชั้น 3 ส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครอง เว้นแต่ซื้อความคุ้มครองเพิ่ม
  • เพื่อความสบายใจ ควรอ่านกรมธรรม์ให้ละเอียด และเลือกประกันที่เหมาะกับพื้นที่และความเสี่ยงของเรา


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้