ไขข้อสงสัย! รถโดนต้นไม้ล้มทับ เคลมประกันได้หรือไม่ และใครต้องรับผิดชอบ?
อุบัติเหตุจาก “ต้นไม้ล้มทับรถ” มักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด โดยเฉพาะช่วงฝนตก ลมแรง หรือพายุเข้า หลายคนไม่แน่ใจว่าแบบนี้ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ และใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย? บทความนี้จะพาไปไขคำตอบทั้งหมด
1. สาเหตุที่ต้นไม้ล้มทับรถมักเกิดขึ้น
- พายุ ฝนตกหนัก ลมแรง → ต้นไม้สูงและมีรากตื้นหักล้มง่าย
- ต้นไม้เก่า / ไม่ได้รับการดูแลตัดแต่ง → กิ่งเปราะ, รากเน่า
- ที่จอดรถใกล้ต้นไม้ใหญ่หรือพื้นที่เสี่ยง → เพิ่มโอกาสโดนทับโดยตรง
2. ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่?- ประกันชั้น 1
✅ คุ้มครองแน่นอน
ครอบคลุม “ภัยธรรมชาติ” เช่น ต้นไม้ล้ม, พายุ, ฝน, น้ำท่วม
ประกันจะชดใช้ค่าเสียหายให้ ตามทุนประกันหรือค่าซ่อมจริง
ข้อยกเว้น:
ไม่คุ้มครองกรณี จงใจจอดในพื้นที่อันตรายโดยประมาทอย่างร้ายแรง
หากผู้ขับขี่เมาสุรา หรือใช้รถผิดประเภท
- ประกันชั้น 2+, 3+, 3
❌ ไม่คุ้มครองภัยธรรมชาติ (รวมถึงต้นไม้ล้ม)
เพราะถือว่าเป็น “เหตุสุดวิสัย” ที่ไม่เกี่ยวกับการชนหรือมีคู่กรณี
แต่บางบริษัทมี แพ็กเกจเสริม “ภัยธรรมชาติ” ที่สามารถเพิ่มความคุ้มครองได้ เช่น รถหาย–ไฟไหม้–น้ำท่วม–ต้นไม้ล้ม
- พ.ร.บ. รถยนต์ (ประกันภาคบังคับ)
❌ ไม่คุ้มครองตัวรถ
พ.ร.บ. คุ้มครองเฉพาะ ชีวิตและร่างกายของผู้ประสบภัย (ผู้ขับ–ผู้โดยสาร–บุคคลภายนอก) เท่านั้น
3. แล้ว “ใครต้องรับผิดชอบ”?หากต้นไม้อยู่ในพื้นที่เอกชน
- เจ้าของพื้นที่หรือนิติบุคคลอาคารชุด / หมู่บ้าน / ห้างสรรพสินค้า ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
- หากพิสูจน์ได้ว่า ละเลยการดูแล (ไม่ตัดแต่งต้นไม้ หรือรู้ว่ามีความเสี่ยงแล้วไม่ดำเนินการ)
หากต้นไม้อยู่ในพื้นที่ราชการ / เทศบาล
- ต้องแจ้งหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ เช่น เทศบาล อบต. แขวงการทาง ฯลฯ
- หากเป็น “เหตุสุดวิสัย” เช่น พายุรุนแรง → หน่วยงานไม่ต้องรับผิด แต่ประกันชั้น 1 จะชดใช้
- แต่ถ้าเป็นกรณี ต้นไม้ทรุด ล้ม เพราะขาดการดูแลบำรุงรักษา → สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานได้
4. ขั้นตอนการเคลมกรณี “ต้นไม้ล้มทับรถ”- ถ่ายรูปหลักฐานทันที
ตัวรถ, บริเวณโดยรอบ, ต้นไม้ที่ล้ม, และความเสียหาย
- แจ้งตำรวจท้องที่
ให้ลงบันทึกประจำวัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นเคลม
- แจ้งบริษัทประกันภัย
โทรแจ้งทันที พร้อมส่งภาพหลักฐานให้เจ้าหน้าที่
- รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ/ประเมินค่าเสียหาย
บริษัทประกันจะส่งพนักงานสำรวจ (Surveyor) มาดูหน้างาน
- ซ่อมรถตามอู่/ศูนย์ที่กำหนด
หากคุ้มครองชั้น 1 → ประกันรับผิดชอบค่าซ่อมทั้งหมด
- เรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม (ถ้ามี)
หากเป็นความบกพร่องของเจ้าของพื้นที่ เช่น ห้าง, เทศบาล
5. เอกสารที่ต้องใช้ในการเคลม- บันทึกประจำวันจากตำรวจ
- รูปถ่ายความเสียหาย (ก่อนซ่อม)
- สำเนาทะเบียนรถ
- กรมธรรม์ประกันภัย
- ใบเสนอราคาค่าซ่อม / ใบรับรองจากอู่
6. ตารางสรุปความคุ้มครองกรณี “ต้นไม้ล้มทับรถ”
ประเภทประกัน | คุ้มครองไหม | เงื่อนไข | ผู้รับผิดชอบ |
ชั้น 1 | ✅ คุ้มครองครบ | ภัยธรรมชาติทุกกรณี | บริษัทประกันจ่าย |
ชั้น 2+, 3+, 3 | ❌ ไม่คุ้มครอง | ยกเว้นซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่ม | เจ้าของพื้นที่ / ผู้ครอบครอง |
พ.ร.บ. | ❌ ไม่คุ้มครองรถ | คุ้มครองเฉพาะผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิต | — |
7. เคล็ดลับป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
- หลีกเลี่ยงจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะช่วงฝนตก ลมแรง
- เลือกที่จอดรถในอาคารหรือพื้นที่เปิดโล่งห่างจากต้นไม้
- ตรวจสอบพื้นที่จอดรถใกล้บ้านว่ามีต้นไม้สูงหรือเอนตัวผิดปกติหรือไม่
- หากจอดในพื้นที่เอกชน เช่น ห้างหรือคอนโด ให้ตรวจสอบ “เงื่อนไขความรับผิดชอบ” ของนิติบุคคล
- ทำประกัน ชั้น 1 หรือแผนที่มีภัยธรรมชาติ เพื่อให้ครอบคลุมกรณีไม่คาดคิด
สรุป- รถโดนต้นไม้ล้มทับ → ประกัน ชั้น 1 คุ้มครองครบ ส่วนชั้นอื่นคุ้มครองเฉพาะกรณีซื้อภัยธรรมชาติเพิ่ม
- หากเกิดเหตุ ให้รีบ ถ่ายภาพ, แจ้งตำรวจ, แจ้งบริษัทประกัน
- ตรวจสอบว่า ต้นไม้อยู่ในพื้นที่ใครรับผิดชอบ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม
- ที่สำคัญ: เลือกแผนประกันที่มี ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ เพื่อป้องกันความเสียหายไม่คาดคิดในอนาคต
วางแผนไว้ก่อนดีกว่าแก้ทีหลัง เพราะความเสียหายจาก “ต้นไม้ล้มทับรถ” มักเกิดในวินาทีที่เราไม่ทันตั้งตัว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์
096-192-9698