ยางรถยนต์ไม่ได้เหมือนกันทุกเส้น! ดูยังไงให้ปลอดภัยก่อนเดินทางไกล
ยางรถยนต์คือหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของรถ เพราะเป็นจุดเดียวที่สัมผัสพื้นถนนโดยตรง แต่รู้หรือไม่ว่า “ยางแต่ละเส้นไม่ได้เหมือนกัน” ทั้งในด้านขนาด อายุการใช้งาน และคุณสมบัติ หากเลือกไม่ถูกหรือดูแลไม่ถูกวิธี อาจส่งผลต่อความปลอดภัย และการเคลมประกันในอนาคตได้
ทำไมต้องใส่ใจเรื่องยางก่อนเดินทาง
หลายคนมักเช็กรถเฉพาะน้ำมัน เบรก หรือไฟ แต่ละเลย “ยาง” ซึ่งเป็นส่วนที่รับน้ำหนักรถทั้งหมด การขับรถระยะไกลด้วยยางที่หมดอายุหรือแรงดันลมไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือยางระเบิดกลางทางได้
ยางที่มีสภาพดี ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและลดระยะเบรก
ยางที่เสื่อมสภาพ ทำให้รถส่าย ควบคุมยาก และเปลืองน้ำมัน
วิธีดู “ตัวเลขบนยาง” อย่างเข้าใจง่าย
บนแก้มยางจะมีตัวเลขและตัวอักษรหลายชุด ซึ่งมีความหมายสำคัญ เช่น
ขนาดยาง (เช่น 205/55 R16) หมายถึงความกว้าง หน้ายาง อัตราส่วน และขนาดกระทะล้อที่เหมาะสม
ปีที่ผลิต (เช่น 3723) หมายถึงสัปดาห์ที่ 37 ของปี 2023 หากยางมีอายุเกิน 4–5 ปี ควรเปลี่ยนใหม่แม้ดอกยางยังดีอยู่
ดัชนีรับน้ำหนักและความเร็ว (เช่น 91V) บอกความสามารถในการรับน้ำหนักและความเร็วสูงสุดที่ยางรองรับได้
ตรวจปีที่ผลิตทุกครั้งก่อนซื้อยางใหม่
หลีกเลี่ยงการใช้ยางเก่าที่เกิน 5 ปี หรือยางที่ถูกตากแดดนานเกินไป
สัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนยาง
พบรอยแตกร้าวบนแก้มยาง
ดอกยางสึกจนเห็นแถบยางเรียบ
ขับแล้วรู้สึกสั่นหรือมีเสียงดังผิดปกติ
ยางรั่วบ่อยหรือมีรอยบวม
เมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรรีบเปลี่ยนยางทันที เพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทาง
ยางกับประกันภัยรถยนต์เกี่ยวข้องกันอย่างไร
แม้ยางจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถ แต่หากเกิดอุบัติเหตุจาก “ยางเสื่อมสภาพ” บางบริษัทประกันอาจพิจารณาไม่คุ้มครองในบางกรณี เช่น ยางระเบิดจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นการดูแลยางให้อยู่ในสภาพดีไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยแต่ยังช่วยให้การเคลมประกันเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาภายหลัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698